Main

​สภาฯ ถกร่างงบประมาณปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท พรุ่งนี้

พรุ่งนี้ (19 มิ.ย.2567) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) มีกำหนดพิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.752 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ จะเข้าประชุมสภาฯ เพื่อชี้แจงร่างกฎหมายงบประมาณปี 2568 ด้วยตัวเอง หลังจากก่อนหน้านี้ลาป่วยเนื่องจากป่วยโควิด-19 
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้น ๆ ได้เตรียมความพร้อมชี้แจงรายละเอียด โดยกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยคมนาคม มั่นใจว่า กระทรวงคมนาคม จะสามารถแจงได้ทุกเรื่อง แม้จะถูกฝ่ายค้านหยิบประเด็นเรียกรับส่วยในกระทรวงคมนาคม ก่อนบอกว่า คำกล่าวหาต้องมีหลักฐานเพียงพอ
ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยัน ไม่เป็นห่วงกับเวทีชี้แจงร่างกฎหมายงบประมาณปี 2568 และเชื่อว่า สส.จะเห็นใจ หลังงบประมาณการปราบยาเสพติดลดน้อยลง หรือ เรือนจำที่มีอายุนับร้อยปี จะต้องปรับปรุง
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย มั่นใจว่า ข้อมูลที่รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงรับผิดชอบ จะชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับฝ่ายค้านได้รับทราบในทุกกรณี พร้อมชี้แจงงบประมาณ 50,000 ล้านบาท หายไปจากการจัดทำงบประมาณปี 2568
ท้งนี้ สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2568 รัฐบาลจัดสรรไว้ที่ 3,752,700 ล้านบาท โดยตั้งงบประมาณแบบขาดดุล เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2567 จำนวน 272,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.84  %
นอกจากนี้ มีข้อสังเกตว่างบประมาณจะนำไปในโครงการดิจิทัล-วอลเล็ต 10,000 บาท ถูกจัดอยู่ในส่วนงบกลาง หมวดแผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ 152,700 ล้านบาทด้วย
ขณะที่งบประมาณในโครงการ “ซอฟต์พาวเวอร์” ส่วนใหญ่อยู่ในกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในรูปแบบการจัดงานอีเว้นท์ต่าง ๆ 
ในส่วนกระทรวงวัฒนธรรม คือ ค่าใช้จ่ายโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ – การท่องเที่ยวให้เกิดการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ 15.5 ล้านบาท
ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีงบประมาณเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ ตามโครงการเที่ยวไทย-มาเลย์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 5.58 ล้านบาท การจัดโครงการมวยไทย-ซอฟต์พาวเวอร์ จำนวน 5 ล้านบาทด้วย
ส่วนงบประมาณปี 2568 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานต่าง ๆ สูงสุด 5 อันดับแรก คือ กระทรวงการคลัง 3.9 แสนล้านบาท…
Read More